Skip to content
บริษัทกล้องวงจรปิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย No.1 Security camera compay
บริษัทกล้องวงจรปิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย No.1 Security camera compay
30 คำถามวิ่งตามความสุขให้ชีวิต

30 คำถามวิ่งตามความสุขให้ชีวิต

ชีวิตของคนเราเต็มไปด้วยการเดินทาง การค้นหาตัวเอง การค้นพบสิ่งต่าง ๆ รวมไปถึงการเดินตามความฝันของตัวเองด้วย สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยคือการหาตัวตนของตัวเองให้เจอแล้วเดินเคียงข้างไปกับมัน เพราะทุก ๆ ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราย่อมเปลี่ยนแปลงตัวตนของเราและ ความคิดของเราไปตามเวลาเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเราเองก็สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดหรือชีวิตของเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเราอายุเท่าไหร่ก็ตาม

การเข้าใจตัวตนของตัวเองคือกุญแจสำคัญ เปรียบเสมือนเข็มทิศชีวิตที่เป็นตัวกำหนดสัญชาตญาตในการใช้ชีวิตของเรา ยิ่งไปกว่านั้นการรู้จักตัวเองเป็นอย่างดียังสามารถช่วยให้เราค้นหาความสุขและความสงบในชีวิตได้อีกด้วย

และวันนี้เราก็มีชุดคำถามสั้น ๆ เกี่ยวกับความสุขในชีวิตมาฝาก

1. จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราพบเจอกับความสุข แล้วครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะ?  Am I able to experience happiness? When was the last time?

ข้อสังเกตที่น่าสนใจข้อหนึ่งก็คือ ความสุขไม่มีกฎตายตัว ความสุขก็เหมือนอารมณ์แบบหนึ่ง มีขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นปกติ ไม่มีใครที่มีความสุขไปตลอด แต่ถ้าใครที่ไม่มีความสุขเลยหรือไม่เคยเลย แบบนี้ต้องดูว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ในบางกรณีก็อาจจะมาจากภาวะซึมเศร้า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ยิ่งไปกว่านั้นความเครียดสะสมหรือสถานการณ์กดดันก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไม่มีความสุขก็เป็นได้

2. มีอะไรที่เราพอจะทำได้ที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น? Is there anything within my power that would make me a more content or happier person?

บ่อยครั้งที่คนเรามักจะมองข้ามการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เราควรทำเพื่อให้เรามีความสุขหรือพึงพอใจในขณะหนึ่ง ๆ มากขึ้น ยกตัวอย่าง เวลาคนเราเกิดรู้สึกไม่มีจุดหมายปลายทาง นั่นอาจมีสาเหตุมาจากความเบื่อหน่ายกับเรื่องเดิม ๆ ในชีวิต ใช้ชีวิตจำเจมากเกินไป ไหนจะเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องครอบครัว คำแนะนำก็คือให้ลองเปลี่ยนการใช้ชีวิต ก้าวออกมาจากคอมฟอร์ทโซน ไปทำอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทายตัวเองดูบ้าง

3. เราจะทำอะไรกับตัวเราเองได้บ้างในกรณีที่เราไม่มีความสุขกับตัวเอง? What goals can I set if I am unhappy with the person that I currently am?

 ‘เป้าหมาย’ คือหัวใจสำคัญของการพัฒนาตนเองและการสร้างความสุขให้กับตัวเอง เริ่มจากวิธีง่าย ๆ ตั้งเป้าหมายระยะสั้น (เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน) หรืออาจจะนานกว่านั้นหน่อย (6 เดือน - 1 ปี) แต่ถ้าฝันใหญ่ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี (5 - 10 ปี) โดยเป้าหมายจะเป็นตัวช่วยให้เรามุ่งมั่นและพยายามทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้ แนะนำให้เริ่มจาก ดูว่ามีอะไรที่ทำให้เราไม่มีความสุข ก็ตั้งเป้าหมายที่จะกำจัดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นซะ 

4. ชีวิตของเราเครียดหรือเจออะไรหนัก ๆ โดยไม่จำเป็นรึเปล่า? Is my life unnecessarily stressful or filled with drama?                                              

ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ก็ควรสำรวจตัวเองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการงาน ครอบครัว หรือชีวิตคู่ ว่าเหตุการณ์ไหนหรือกรณีไหนที่ทำให้เราเครียดหรือไม่มีความสุข ไม่แน่ว่าบางคนที่เราอยู่ด้วย ทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่นิสัยส่วนตัวของเราก็อาจเป็นต้นเหตุสำคัญก็เป็นไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเราเองก็จำเป็นจะต้องยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีใครที่ไม่เคยเครียดเลยในชีวิต เพราะชีวิตก็มีขึ้นมีลงเสมอ มีการเปลี่ยนแปลง มีความท้าทายเข้ามาตลอด เพราะอย่างนั้นเราจึงควรเริ่มสำรวจตัวเองและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์หรือการอยู่ใกล้กับคนที่ทำให้เราไม่มีความสุขด้วย

5. เราเก็บอารมณ์โกรธ ขุ่นเคือง รู้สึกผิดมากเกินไปรึเปล่า? เราจะมีวิธีไหนที่จะปล่อยวางได้บ้าง? Am I holding on to any anger, regret, or guilt that I can forgive and let go?

ใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบางครั้งเราก็ต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ นานาที่เข้ามาทดสอบ แน่นอนว่าก็จะมีบางครั้งที่เรารู้สึกโกรธ ผิดหวัง รู้สึกผิดกับเหตุการณ์อะไรต่อมิอะไร แต่ท้ายที่สุดแล้ว เราจำเป็นจะต้องปล่อยวางจากความรู้สึกเหล่านั้นเพราะถ้าไม่รู้จักปล่อยวาง ความรู้สึกก็อาจทับถมกันจนทำให้เกิดความเครียดสะสม แบกรับความรู้สึก ภาระเยอะจนทำให้เราไม่มีความสุขได้

6. เราควรแสดงออกในทางที่ดีกับคนรอบ ๆ ตัวของเรารึเปล่า? Can I practice greater kindness to the people who are around me?

การทำดีย่อมส่งผลดีต่อทั้งกายและใจ ไม่จำเป็นจะต้องลงทุนลงแรงมากมายหรือทำอะไรเกินตัว เพียงแค่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนที่ต้องการก็เพียงพอที่จะช่วยให้เรารู้สึกดี เป็นคนดีขึ้น อิ่มเอมกายใจ ยกตัวอย่างเช่น ช่วยพาผู้สูงอายุเดินข้ามถนนหรือแม้แต่หย่อนเศษเหรียญในกล่องบริจาคก็มีส่วนช่วยเติมเต็มความรู้สึกดี ๆ ให้ตัวเองได้เช่นกัน

7. มีคนใกล้ตัวคนไหนที่เราอยู่ใกล้แล้วรู้สึกว่าโดนดูดพลังไปมั๊ย? Are there any people around me who leave me feeling drained?

ชีวิตของคนเราไม่ได้กำหนดให้ย่ำอยู่กับที่ตลอดเวลา สิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวต่างก็เปลี่ยนไป เช่นเดียวกัน เราเองก็ต้องก้าวไปข้างหน้า อาจมีบางครั้งที่ต้องหลงลืมหรือละทิ้งอะไรบางอย่างไว้ข้างหลัง เช่น ครอบครัว หรือเพื่อน เพราะเป็นเรื่องปกติที่เวลาเรามุ่งมั่นก้าวต่อไป ก็จะเหลือเพียงแค่สิ่งสำคัญเท่านั้นที่ยังอยู่กับเรา บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะติดสินใจว่าในเวลานี้เราจะต้องให้ความสนใจกับอะไรหรือใคร เพราะบางทีพวกเขาเหล่านั้นก็อาจจะส่งพลังลบให้กับเราโดยไม่รู้ตัวหรือทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจก็ได้ แนะนำให้ลองกลับมาทบทวนดูว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เรารู้สึกไม่ดีหรือหมดพลัง

8. เราติดอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์หรือโซเชียลมีเดียเยอะเกินไปรึเปล่า? Do I get enough time away from electronic devices and social media?

รู้มั๊ยว่าโซเชียลมีเดียและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ทั้งหลายเป็นตัวการหนึ่งในการก่อความเครียดให้กับอารมณ์และเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคนอนไม่หลับ จริงอยู่ที่มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม แต่ลองถอยมาซักก้าวหนึ่ง จำกัดเวลาตัวเองในการเล่นโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค อินสตาแกรมหรือไลน์ก็มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้พัก ทั้งพักสายตา พักใจจากเรื่องเครียด ๆ ข่าวเครียด ๆ บนหน้าฟีด แล้วหันมาคุยกันแบบตัวต่อตัวให้มากขึ้น ตื่นมาดูพระอาทิตย์บ้าง หรือเริ่มออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยบรรเทาความเครียดและให้ร่างกายไม่จดจ่ออยู่กับหน้าจอมากเกินไป โซเชียลมีเดียมีประโยชน์กับชีวิตของเราก็จริง แต่ก็ควรจำกัดการใช้งานให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อทั้งร่างกายและอารมณ์ของเราด้วย

9. เรามีวิธีจัดการกับความเครียด ความเศร้าหรือเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตดีแค่ไหน Do I have healthy coping mechanisms for stress, grief, or trauma in my life?

ชีวิตก็มีดีบ้างแย่บ้าง ด้านดี ๆ คือเวลาที่เรารู้สึกมีความสุข แต่ด้านแย่ ๆ หรือความรู้สึกแย่ ๆ อาจจะไม่ได้หายไปไหนง่าย ๆ ติดตามหลอกหลอนเราไปจนทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อให้เหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้วก็ตาม ดังนั้น การจัดการกับความเครียดหรืออารมณ์ด้านลบคือปัจจัยสำคัญในการกำจัดหรือควบคุมด้านแย่ ๆ ของชีวิตเพื่อให้เราก้าวต่อไปได้

10. เราจะยอมรับตัวเองทั้งในด้านบวกและด้านลบได้ยังไง? Am I able to love myself with all of my positive and negative qualities?

ลองถามตัวเองว่า เรารักตัวเรารึเปล่า ยอมรับด้านที่ไม่ดีของตัวเอง รวมถึงสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นได้มั๊ย การรักตัวเองสามารถทำได้หลายวิธี แน่นอนว่า ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เรามีความสุข มีความมั่นใจ สามารถยอมรับตัวของตัวเองได้ในทุก ๆ ด้าน คนส่วนใหญ่มักจะซ่อนด้านแย่ ๆ ของตัวเองไม่ให้คนอื่นเห็น หรือกลัวว่าด้านที่ไม่ดีของตัวเองจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง แต่ยิ่งทำแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เราผลักไสตัวตนของเราออกไปมากขึ้น สิ่งที่ควรทำคือเราควรรักและยอมรับตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเอง

11. จริง ๆ แล้วจิตวิญญาณสำคัญกับชีวิตของเรามากแค่ไหน Is spirituality an important part of my life?

เรื่องของจิตมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตเรายังไง จับต้องได้หรือเป็นอนันต์? มีบ้างไหมที่เรารู้สึกไม่มีสติ? แล้วความเชื่อในสิ่งต่าง ๆ รอบข้างเราสามารถสร้างความสุขให้กับเราได้ยังไง? บางคนอาจจะไม่เชื่อในเรื่องของจิตเลย แต่แทนที่จะต้องหาสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ เราสามารถเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เราอยากเชื่อได้ บางคนอาจจะเร่ิมง่าย ๆ อย่างการเชื่อมั่นในตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองมีความสุขโดยไม่เดือดร้อนคนอื่น คนที่มีความเชื่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแรงกล้าย่อมดึงดูดพลังบวกเข้าหาตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแน่นอน

12. เราควรจะปลูกฝังความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ กับชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน? Should I be incorporating more of my beliefs into my life?

บนพื้นฐานของทุก ๆ ความเชื่อย่อมมีแง่มุมการมองโลกที่แตกต่างกัน ความเชื่อบางอย่างก็อาจถูกโฉลกกับตัวเรา บางความเชื่อก็อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับเราหรือนำมาประยุกต์ใช้ได้ ดังนั้นขั้นแรกเราจะต้องดูก่อนเลยว่าความเชื่อหรือแนวความคิดแบบไหนที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างความสุขตามสไตล์ของเราได้จริง บางทีวิถีเซนอาจจะได้ผลกับคนอื่น แต่ในแนวการสร้างความสุขของเราอาจจะอิงตามความเชื่ออื่นก็ได้ มนุษย์เราตามหาความเชื่อหรือแนวความคิดเพื่อสร้างสุขมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีซักทางหนึ่งที่เหมาะกับเรา

13. มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องเชื่อหรือมีความรู้สึกในสิ่งที่เราทำ? Why do I believe and feel the things that I do?

คำถามที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ทำไม” ย่อมได้คำตอบเป็นการอธิบายถึงเหตุและผล การเข้าใจถึงเหตุผลนั้นช่วยให้เราสามารถเห็นภาพว่าทำไมเราถึงเชื่อ คิด และทำในรูปแบบเฉพาะของตัวเราเอง ยิ่งเราเข้าใจเหตุผลนั้นมากแค่ไหน เราก็ยิ่งเข้าใจตัวตนของเรามากขึ้นเท่านั้น

การเข้าใจถึงเหตุผลช่วยให้เราเห็นต้นเหตุของปัญหา สร้างแนวทางการใช้ชีวิตได้ที่ดีขึ้น มีจิตใจที่สงบ พบความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดี

14. สิ่งที่เราเชื่อทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นหรือยิ่งทำให้ทุกข์? Do my beliefs bring me greater peace or conflict?

 ยิ่งเราแก่ตัวมากขึ้น เราก็อาจจะมองเห็นภาพได้ว่า ความเชื่อที่เราเคยเชื่อเมื่อสมัยหนุ่มสาวอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันได้ ดังนั้นเราจึงควรพิจารณาตรึกตรองดูให้ดีว่า เรายังสามารถนำความเชื่อเดิม ๆ มาประยุกต์ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน สร้างประโยชน์ให้กับตัวเรามากแค่ไหน ช่วยนำพาความสุขหรือความทุกข์ ช่วยให้สบายใจ ได้พลังบวก หรือยิ่งดึงเราจมดิ่งลง ปิดกั้นมุมมองการมองโลกของเรา หรือผลักไสเราออกจากสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขหรือไม่นั่นเอง

15. บทบาทของเราในสังคมสำคัญต่อตัวเรามากน้อยแค่ไหน? Is it important for me to play a role in the journey of humanity?

เราทุกคนไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนแรกที่คิดหาวิธีอะไรใหม่ ๆ หรือเป็นนักบุกเบิกทางแห่งความสุขได้ ทุกวันนี้มีทอล์คโชว์หรือคอร์สอบรมมากมายที่สอนให้เรารู้ถึงวิธีหาความสุขหรือสร้างความสุขให้กับตัวเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้แย่เลย แต่อยู่ที่ว่าจะตรงกับตัวเรามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง เราไม่จำเป็นจะต้องคิดค้นหาวิธีมีความสุขด้วยตัวเอง เพียงแค่ลองหยิบยืมวิธีของคนอื่นแล้วนำมาปรับใช้ก็เป็นแนวทางในการเริ่มต้นสร้างความสุขที่ดีให้แก่ตัวเราเช่นกัน

16. สำรวจตัวเองว่าเราคือใคร มีความสำคัญยังไง? What role should I be playing in that journey? If any?

ถ้าอยากเป็นคนสำคัญ อยากมีบทบาท อยากรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ให้ลองหาจุดเด่นของตัวเอง ลองดูว่าตัวเรามีประสบการณ์ในอดีตอะไรบ้างที่สามารถนำมาปรับใช้หรือเป็นบทเรียนได้ เพื่อที่จะได้นำมาเป็นแนวทางสร้างความสุขให้กับตัวเอง ทุกวันนี้หลาย ๆ คนไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ เลยเหมือนกับนักเดินทางที่เดินวนเวียนอยู่แค่จุดเดิม ๆ ไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่อย่างน้อยหากเราไม่มีเป้าหมาย เราก็ควรที่จะรู้ตัวเองให้เร็วที่สุดว่า ทางที่เราเดินไปนั้น เราไปถูกทางรึเปล่า ถ้าหลงก็ต้องรีบกลับมาใช้ชีวิตบนทางที่ถูกต้องให้เร็วที่สุด

17. ให้สัญชาตญาณนำทางหรือความคิดนำทางดีกว่ากัน? Do I feel a calling to do something that I’m not doing?

ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจว่า สัญชาตญาณลึก ๆ ของตัวเรามีบทบาทอย่างมากต่อการใช้ชีวิต เราไม่จำเป็นจะต้องเข้าใจกลไกการทำงานของมันก็ได้ เพราะบางครั้งเราแค่รู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นถูกหรือผิด เราชอบหรือไม่ชอบ ลองทำตามสิ่งที่ใจนึก สิ่งที่สัญชาตญาณบอก นั่นคือตัวตนข้างในของเรา ไม่แน่ว่าอาจจะพบเจอกับความสุขของชีวิตก็เป็นไปได้

 18. ตอนนี้เรากำลังพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่รึเปล่า? Am I working toward being the best version of the person that I can be?

การพัฒนาตัวเองคือหัวใจสำคัญในการใช้ชีวิต ทุกวันนี้มีคอร์สสอนการสร้างสุขมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกูรูหรือหนังสือพัฒนาตัวเอง สอนวิธีคิด ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่แนวทางแนะนำ มีแต่เราเท่านั้นที่รู้ว่าวิธีไหนคือวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเราเอง โดยวิธีเหล่านั้นสามารถช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและทางจิตใจ มีแต่ตัวเราเองที่จะตอบคำถามของตัวเราเองได้

19. ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ไขว่คว้าน้อยเกินไปรึเปล่า หรือว่าควรจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้? Am I settling in areas of my life where I should be reaching for more?

เป็นคนดีแล้วได้ดีมีถมไป แต่ก็มีบางคนที่ทำดีเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะได้อะไรตอบแทน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเราไม่ควรคาดหวังอะไรกับการทำความดี ยิ่งจะทำให้เกิดความเบื่อหน่ายแล้วก็ไม่อยากทำดี ส่วนคนที่เจอกับเรื่องร้าย ๆ ตลอดก็อาจจะเข้าใจว่าชีวิตนี้จะหาความสุขไม่ได้แล้ว แต่จริง ๆ แล้วชีวิตก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป ชีวิตของคนเรามีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไขว่คว้าหาความสุขที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อยู่ที่ว่าเรารู้สึกว่าเรามีความสุข ณ ปัจจุบันเพียงพอแล้วหรือยังต่างหาก

20. เรามีแผนชีวิตของตัวเองทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานยังไงบ้าง? Do I have a roadmap for my personal and professional development?

จะก้าวไปข้างหน้าทั้งทีต้องมีแผนชีวิตไว้ก่อน แผนชีวิตไม่ได้หมายถึงแค่การกำหนดเป้าหมายชีวิตเท่านั้น แต่หมายถึงการวางแผนจริง ๆ จัง ๆ เป็นขั้นเป็นตอนว่าจะทำอะไรก่อนหลัง ต้องทำอะไรบ้างถึงจะบรรลุแผนชีวิตได้ รวมถึงกำหนดระยะเวลาให้แน่นอน เช่น ภายในปีหน้าจะเปลี่ยนนิสัยให้เป็นคนชอบออกกำลังกาย เข้าสังคมมากขึ้น เป็นต้น การวางแผนชีวิตไว้แต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เราสามารถกำหนดได้ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน เดินไปทางไหน ถ้าเกิดวันหนึ่งเกิดหลงทางขึ้นมา ก็แค่ย้อนกลับมาดูเป้าหมายที่ตัวเองเคยตั้งไว้นั่นเอง

21. เรามีอุปสรรคอะไรมั๊ยที่มาทำให้แผนชีวิตของเราชะงัก? What’s stopping me from setting and working toward my goals?

สิ่งที่เป็นอุปสรรคมากที่สุดของคนทุกคนก็คือ จิตใจของเราเอง คนเรามักจะจดจำความยากลำบาก ความล้มเหลว หรือคำพูดต่าง ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกแย่ฝังไว้ในใจ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เรารู้สึกท้อถอยได้ง่าย ๆ บางครั้งความรู้สึกแย่ก็ทำให้เราไม่กล้าเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ หรือก้าวไปข้างหน้า สิ่งแรกที่เราควรทำคือ สำรวจดูว่ามีอะไรที่เป็นอุปสรรคที่มาขวางกั้นเราไม่ให้เราประสบความสำเร็จหรือมีความสุข แล้วก็หาต้นเหตุเพื่อแก้ปัญานั้นซะ

22. ชีวิตของเราวิ่งหนีอะไรอยู่รึเปล่า? What am I avoiding in my life right now?

การวิ่งหนีจากปัญหาคือสิ่งที่ทำให้เราสูญเสียสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ซึ่งก็คือ เวลา ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันหมด เวลาก็เหมือนสายน้ำที่ไม่ไหลย้อนกลับ ทุกวันนี้หลาย ๆ คนเสียเวลาวิ่งหนีปัญหา หนีความรับผิดชอบ ไม่เผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วปัญหานั้นก็คาราคาซังวกเวียนมาหาเราอยู่ดี วิธีที่ดีที่สุดคือ เผชิญปัญหานั้นซะ หาทางแก้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แทนที่จะวิ่งหนีนั่นเอง

23. เรามีภาพในหัวรึยังว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง? Do I have a mental image of my future self?

อย่าลืมวางแผนหรือจินตนาการว่า ในอนาคตเราจะเป็นแบบไหน ทำอะไร ยิ่งมีภาพชัดเจนเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เรามีความพยายามบรรลุเป้าหมายที่เราวาดฝันไว้มากเท่านั้น แต่ถ้านึกไม่ออก แนะนำให้เร่ิมต้นนึกภาพเป็นช่วงสั้น ๆ เช่น อีกสองปีข้างหน้าเราจะเป็นยังไง ก็จะช่วยให้เรากำหนดเป้าหมายในระยะสั้นได้ง่ายขึ้น

24. สำรวจตัวเองว่านี่เรามาถูกทางจริง ๆ รึเปล่า เรากำลังทำสิ่งที่เราต้องการอยู่จริง ๆ ใช่มั๊ย? Am I doing what I truly want to be doing with myself and my life?

หลาย ๆ คนอาจไม่เห็นภาพสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ บางคนก็ทำไปเพราะแรงกดดันจากครอบครัว เพื่อน หรือคนรอบข้าง แต่จริง ๆ แล้วเราควรจะคิดให้ได้ว่า เราต้องการทำอะไร เราชอบอะไร ไม่มีใครตัดสินใจชีวิตของเราได้ดีเท่าตัวเราเอง ดังนั้นเราควรจะถามตัวเองว่า เป้าหมายในชีวิตของเราคืออะไร จะไปทางไหน และลงมือทำสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น อย่าให้คนอื่นเอาเป้าหมายของตัวเองมากำหนดว่าเราต้องทำอะไร ฝันแบบไหน มีแค่ตัวเราเท่านั้นที่จะรู้จักตัวเราดีที่สุด

25. เราจะทำอะไรได้บ้างที่จะทำให้เรามีความสุขกับชีวิตมากขึ้น? What would help me feel happy with my life?

ก่อนอื่น เราต้องถามตัวเองว่า ชีวิตเรายังต้องเติมเต็มในส่วนไหนบ้างที่จะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ซึ่งบางคนก็อาจจะเป็นการเปลี่ยนงานเพื่อพัฒนาตัวเอง หรือจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นหรือยกระดับความสัมพันธ์กับคนรัก ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากซึ่งอาจทำให้เกิดความเครียด ไปตรวจสุขภาพดูว่าเรายังแข็งแรงดีมั๊ย บางคนก็เลือกที่จะไปเที่ยวหรือเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีสร้างความสุขให้กับตัวเองทั้งนั้น

26. เราจริงใจกับตัวเองมากน้อยแค่ไหน เชื่อมั่นในตัวเองและเห็นคุณค่าของตัวเองมั๊ย? Am I living true to myself, my beliefs and values?

คนส่วนใหญ่มักจะถูกชักนำโดยคนรอบข้างในสังคม ในบางกรณีก็อาจจะทำให้เราสูญเสียตัวตนของเราไป สูญเสียความเชื่อในตัวเอง ไม่เชื่อมั่นในตัวของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ไม่เป็นตัวของตัวเอง แนะนำให้หาจุดยืนของตัวเอง สำรวจตัวเองว่าคุณค่าของเราอยู่ที่อะไร และยึดมั่นถือมั่นในตัวเองให้มาก ๆ

27. คนอื่นมองเราแตกต่างจากที่เรามองตัวเองรึเปล่า? Do people see me differently than I see myself?

แน่นอนว่า การเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เราควรจะสำรวจตัวเองว่า เรามองตัวเราเองเป็นยังไง และคนอื่นมองเราเป็นยังไง เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สิ่งสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันคือการสื่อสารและความเชื่อใจระหว่างกัน ถ้ามีสิ่งไหนที่ขัดแย้ง ก็ควรจะมาตกผลึกดูว่าจุดกึ่งกลางที่พอดีคือไร เราควรเปลี่ยนหรือเขาควรเปลี่ยน หรือควรปรับเข้าหากัน ซึ่งทั้งนี้ย่อมต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และการเชื่อใจกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แน่นอนว่า หากสามารถทำได้ก็ย่อมส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย

28. เราได้บอกความจริงตามที่ควรจะบอกรึเปล่า? Am I saying the things that need to be said?
การสื่อสารคือสิ่งสำคัญ แน่นอนว่าความจริงใจก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มาคู่กัน ถ้ามีเรื่องไหนที่ยังไงซักวันหนึ่งก็ต้องพูดออกไป ก็ควรพูดซะแต่เนิ่น ๆ บางคนก็ไม่อยากจะพูดความจริงออกไปตรง ๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจหรือรู้สึกว่าเราเป็นคนไม่ดี แต่บางครั้งเราก็จำเป็นจะต้องพูดออกไป เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาแล้วก็หาทางแก้ไขซะ

พ่อลูกอุ่นใจ กล้องวาตาชิ

29. เราอยู่ในสถานะที่ดีพอรึเปล่าทั้งในด้านร่างกาย จิตใจและพยายามที่จะบรรลุเป้าหมายเพียงพอรึยัง? Do I have strong enough boundaries to stay healthy and pursue my goals?

ชีวิตของคนเราซับซ้อน บางครั้งก็ลำบาก บางครั้งก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย บางครั้งเพื่อนหรือครอบครัวก็เป็นคนคอยสนับสนุนเรา แต่บางครั้งมันก็ไม่เป็นแบบนั้น เราจึงจำเป็นจะต้องเข้าใจว่า เราจะต้องพยายามด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละคน แต่ละสถานการณ์ อย่าคาดหวังอะไรมากเกินไป ดังนั้นหัวใจสำคัญก็คือการเตรียมตัวเองให้พร้อมและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เตรียมร่างกายและจิตใจให้พรัอมรับมือกับทุก ๆ สถานการณ์ที่จะพาเราก้าวไปข้างหน้าต่อไป

30. ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันโลกแตก เรามีความสุขพอมั๊ยในทุกวันนี้? Would I be happy and content with my life if the world ended tomorrow?

ก่อนอื่นต้องถามตัวเองว่า ทุกวันนี้เรารู้สึกยังไง มีความสุขมั๊ยกับชีวิตที่เป็นอยู่ ที่ผ่านมามีอะไรบ้างที่ทำให้เรายิ้มได้ ยอมรับให้ได้ว่าเกิดมาครั้งหนึ่งก็มีผิดพลาดบ้าง ผิดมากผิดน้อยแตกต่างกันไป บางทีก็พลาดกับเรื่องง่าย ๆ แต่ไม่สายเกินไปหรอกที่เราจะเริ่มต้นใหม่ ตั้งต้นใหม่ เปลี่ยนตัวเองให้มีชีวิตที่ดีขึ้น คิดบวก และเป็นคนที่มีคุณค่าในสังคม

อย่าให้อดีตมากำหนดว่าอนาคตเราจะเป็นยังไง เราสามารถทำให้มันดีขึ้นได้ สร้างความสุขให้ตัวเองได้และแบ่งปันความสุขนั้นให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้อย่างแน่นอน!

References

Nollan, J. (2018). The Ultimate List Of 30 Questions To Ask Yourself About Life. [online] A Conscious Rethink. Available at: https://www.aconsciousrethink.com/9417/questions-about-life/ [Accessed 15 Feb. 2019].

Previous article เคล็ดลับ สร้างอารมณ์ดี ที่ทำได้ง่ายๆในทุกเช้า
Next article Meeting facilitation การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการประชุม