ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าไปมากในทุกด้าน ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยก็ด้วยเช่นกัน เนื่องจากมนุษย์เราไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนาตนเอง ทุกคนล้วนต้องการความอุ่นใจในการใช้ชีวิตทั้งสิ้น จะเห็นได้จากเริ่มแรกการรักษาความปลอดภัยจะใช้มนุษย์ด้วยกันเองจึงได้เกิดอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยขึ้นมา ต่อมามีการพัฒนามากขึ้นเรา เราเริ่มใช้เทคโนโลยีคีย์การ์ดในการเพิ่มความเข้มงวดในการเข้าสภานที่ต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีความปลอดภัยในหลายๆเงื่อนไข ต่อมาเราเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีสแกนนิ้ว ซึ่งเป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจงบุคคลมากยิ่งขึ้น นั่นทำให้เราเริ่มมีความปลอดภัยที่แน่นหนาอย่างก้าวกระโดด แต่เชื่อหรือไม่ว่าในยุคนี้การสแกนนิ้วนั้นไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยมากที่สุดอีกต่อไปแล้ว เนื่องจากมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ นั่นก็คือเทคโนโลยี Face Recognition หรือการสแกนใบหน้านั่นเอง ที่พร้อมจะทำงานควบคู่กับระบบรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้นไปอีก
Face Recognition คืออะไร
เทคโนโลยี Face Recognition คือ ซอฟต์แวร์ที่จดจำข้อมูลทางชีวภาพที่สามารถแยกความแตกต่างของบุคคลผ่านการวิเคราะห์รูปแบบเค้าโครงใบหน้า ซึ่งจุดประสงค์ของเทคโนโลยีนี้ก็คือเพื่อรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น หลักการทำงานของซอฟต์แวร์นี้ก็คือ การสร้างโมเดลใบหน้าขึ้นมาโดยวิเคราะห์จาก เค้าโครงต่าง ๆ ของใบหน้าอย่างละเอียด เช่น ระยะห่างระหว่างดวงตาและคิ้ว ขนาดจมูก ความตื้นลึกของดวงตา และตำแหน่งโหนกแก้ม จากนั้นจะเก็บเป็นฐานข้อมูลเอาไว้ ซึ่งเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ของซอฟต์แวร์เหล่านี้มีความแม่นยำมากแม้ว่าจะสแกนใบหน้าขณะกำลังเคลื่อนไหวไปด้วย
เทคโนโลยี Face Recognition ประยุกต์ใช้อะไรได้บ้าง ?
ปัจจุบันเทคโนโลยี Face Recognition ได้พัฒนาไปมากบวกกับความคิดสร้างสรรค์ จุดประสงค์จึงไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับเทคโนโลยี Face Recognition ที่นำไปประยุกต์ใช้กับด้านต่าง ๆ
หลายครั้งที่คุณได้รับแจ้งเตือนว่ามีรูปภาพที่มีคุณโดยที่เพื่อนคุณไม่ได้เป็นคนแท็กคุณมาเอง นั่นก็เพราะว่าตัว AI ของ Facebook สามารถตรวจจับได้เองว่านั่นคือคุณจึงแจ้งเตือนให้คุณทราบ นับได้ว่าเป็นสิ่งที่สะดวกสบายมาก เพราะว่าทำให้คุณไม่พลาดรูปสวย ๆ ของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันคนอื่นโพสต์รูปคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย
สมัยนี้หากคุณเดินเข้าไปที่ธนาคารบางครั้งเจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยถามคำถามอะไรเพื่อเช็คว่าคุณคือเจ้าของบัญชีจริงหรือไม่มากนัก เนื่องจากทางธนาคารได้ติดตั้งเทคโนโลยี Face Recognition เอาไว้นั่นเอง จึงทำให้คุณไม่เสียเวลามากนักในการทำธุรกรรมทางการเงิน และหลายๆแอพพลิเคชั่น ก็ได้เปิดให้คุณสามารถยืนยันตัวตน ตอนถอน โอน เข้าใช้งานแอพพลิเคชั่นของธนาคารได้ผ่านการสแกนใบหน้าแล้ว
ล่าสุดหลาย ๆ คนคงได้เล่นแอพฯ จากทาง Facebook ที่คุณสามารถสร้างอวาตาร์ (Avatar) ของคุณเองได้ง่าย ๆ เพียงถ่ายรูปคุณอัปโหลดลงไป ซึ่งนั่นก็นับเป็นเทคโนโลยี Face Recognition นั้นแตกต่างจาก เทคโนโลยี Face Detection ที่สามารถจับใบหน้าได้ แต่ไม่สามารถระบบใบหน้าว่าคนนี้ใครได้ ทำให้มีการนำเอา เทคโนโลยี Face Recognition มาใช้ควบคู่กัน
ในสนามบินที่คนเยอะเป็นเรื่องยากที่เราจะใช้มนุษย์จำแนกผู้ที่เป็นคนปกติกับผู้ที่มีประวัติอาชญากรรม ดังนั้นทางสนามบิน จึงได้ใช้เทคโนโลยี Face Recognition ร่วมกับฐานข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ในกรณีนี้ยังมีการนำไปประยุกต์ในลักษณะที่คล้าย ๆ กันด้วย อย่างในกรณีงานคอนเสิร์ชของนักร้องสาวชื่อดังอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ทางทีมงานได้ใช้ เทคโนโลยี Face Recognition เข้ามาควบคุมความปลอดภัยในงานด้วย เช่นกัน
โรงเรียนบางแห่งได้นำเทคโนโลยี Face Recognition มาติดตั้งไว้ที่บริเวณทางเข้าโรงเรียน เพื่อเช็คว่านักเรียนคนไหนมาโรงเรียนแล้วบ้าง และแจ้งเตือนไปที่ผู้ปกครอง เพื่อให้ผู้ปกครองอุ่นใจว่าลูกหลานมาถึงโรงเรียนโดยสวัสดิภาพ
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี Face Recognition นั้น เริ่มเข้ามีบทบาทในชีวิตประกันมากขึ้นและใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ซึ่งนั่นก็ส่งผลในทางที่ดีขึ้นทั้งด้านความปลอดภัย ความสนุกสนาน และความก้าวหน้าของธุรกิจต่าง ๆ และที่ใกล้ตัวเราที่สุดก็คือพวกอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่ใช้การปลดล็อคด้วยใบหน้านั่นเอง
]]>ZKTeco เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี Deep Unconstrained Face Verification และ Face Anti-Spoofing ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการเรียนรู้ค่าประเมินการวัดใบหน้าเพื่อทำการเปรียบเทียบลักษณะใบหน้าของมนุษย์เพื่อให้ได้ความแม่นยำสูงขึ้นกว่าวิธีเดิม และการเก็บข้อมูลความลึกของพิกเซลที่แม่นยำเพื่อป้องกันการปลอมแปลงลักษณะใบหน้าโดยทำการแยกความแตกต่างระหว่างใบหน้าและรูปทรงแบน
ZKTeco มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น เทคโนโลยี Deep Unconstrained Face Verification และ Face Anti-Spoofing Technology จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับโซลูชันการตรวจสอบใบหน้า
การตรวจสอบใบหน้าแบบไร้ข้อจำกัด (Deep Unconstrained Face Verification) คืออะไร
Deep Unconstrained Face Verification จะนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการเรียนรู้ค่าประเมินการวัด (regularized metric) ใบหน้าและนำไปทำการเปรียบเทียบกับลักษณะใบหน้าของมนุษย์เพื่อให้ได้ความแม่นยำที่สูงขึ้นกว่าวิธีการเดิม เช่น FaceNet โดยการค้นหาคุณลักษณะที่ดีที่สุดของใบหน้าและนำไปกำหนดรูปแบบการตัดสินใจโดยการเรียนรู้ตัวอย่างแฝง และจับคู่กับลักษณะที่ตรงกันและเปรียบเทียบกับตัวอย่างเป้าหมายกระจายที่ดีและแยกออกจากกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครือข่ายจะร่วมกันทำการเรียนรู้การแสดงของคุณลักษณะและค่าการวัดที่ดีที่สุดที่เป็นไปตามการกระจายเป้าหมายเพื่อใช้ในการแยกแยะภาพใบหน้า
วิธีการดังกล่าวจะมีความได้เปรียบจากวิธีการอื่น ๆ. เนื่องจากจะใช้ประโยชน์จากเครือข่าย MetricNet ทำให้มีความแม่นยำสูงกว่าวิธีการแบบเดิมจาก 98.06% ไปเป็น 99.80% โดยการเรียนรู้ค่าการวัดภาพและนำไปเปรียบเทียบกับคุณสมบัติบนใบหน้า ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการแยกแยะของเครือข่ายมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เครือข่ายได้เรียนรู้ค่าการวัดที่ดีที่สุดและสามารถติดตามการกระจายเป้าหมายเพื่อให้ได้ความแม่นยำและผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Deep Unconstrained Face Verification มีวิธีการทำงานอย่างไร
ลำดับที่ 1 – FeatureNet
หลังจากได้รับภาพใบหน้ามนุษย์แล้ว FeatureNet จะทำการดึงลักษณะใบหน้าที่โดดเด่นที่สุด รูปแบบสถาปัตยกรรมของ FeatureNet มีความสำคัญอย่างมากเนื่องจากมันสามารถนำสถาปัตยกรรมปัญญาประดิษฐ์มาใช้ในการเรียนรู้คุณลักษณะที่ดีได้
ลำดับที่ 2 – Concat
มิติของคุณลักษณะของใบหน้าจะถูกนำมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและส่งต่อไปยัง MetricNet
ลำดับที่ 3 – MetricNet
MetricNet จะทำการร่างแผนผังของรูปภาพไปยังเป้าหมายในพื้นที่แฝง ซึ่งในขั้นตอนเหล่านี้ มันจะทำให้สามารถเรียนรู้ค่าการวัดที่ดีที่สุดตามมิติต่าง ๆ ของใบหน้าเพื่อนำไปเทียบเข้ากับเป้าหมาย
ลำดับที่ 4 – การกระจายเป้าหมาย
ค่าการวัดที่ดีที่สุดจะเป็นไปตามการกระจายเป้าหมายเพื่อใช้ในการแยกแยะภาพใบหน้า คู่ที่ตรงกัน (เป็นบุคคลเดียวกัน - สีน้ำเงิน) จะจับคู่กับการกระจายเป้าหมายที่มีค่าเฉลี่ยที่แตกต่างอย่างมากจากคู่ที่ไม่ตรงกัน (บุคคลที่ต่างกัน - สีแดง)
เทคโนโลยีป้องกันการปลอมแปลงลักษณะใบหน้า (Face anti-spoofing technology) คืออะไร
โดยทั่วไปแล้ว ระบบชีวมิติ (biometric system) มักจะมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีต่อสื่อที่ใช้ในการนำเสนอต่าง ๆ เช่น สิ่งพิมพ์ วิดีโอหน้ากาก 3 มิติและการแต่งหน้า ดังนั้น การป้องกันการปลอมแปลงลักษณะใบหน้า(Face anti-spoofing - FAS) จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยระบบจดจำใบหน้า
เทคโนโลยี FAS ล่าสุดจะนำกล้อง 3 มิติมาใช้เพื่อเก็บข้อมูลความลึกของพิกเซลที่มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถแยกแยะและตรวจจับความแตกต่างระหว่างใบหน้ามนุษย์และรูปทรงแบน ประสิทธิภาพที่มีความเสถียรทำให้เทคโนโลยีนี้มีแนวโน้มที่จะทำการป้องกันการปลอมแปลงได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมีความแตกต่างจากวิธีดั้งเดิมของการใช้เทคโนโลยี Residual Block เนื่องจากเทคโนโลยี Residual Scale Residual Scale Block (RSAN) ล่าสุดมีความปลอดภัยสูงกว่าสำหรับการป้องกันการปลอมแปลงลักษณะใบหน้า
Face Anti-Spoofing มีวิธีการทำงานอย่างไร
ลำดับที่ 1 – Residual Block
ระบบจะทำการแยกแยะลักษณะที่ตื้นของใบหน้า เช่น แก้ม ขอบ และรูปร่างของใบหน้า
ลำดับที่ 2 – Multi-Scale Module
ทำการเชื่อมต่อผังที่มีคุณลักษณะระดับต่ำและประกอบด้วยหลายมาตราส่วน
ลำดับที่ 3 – Attention Module
เพื่อการรักษาคุณสมบัติที่มีความเฉพาะในขณะที่ทำการเน้นลักษณะทั่วไป บริเวณผม ใบหน้า และพื้นหลัง มีการกระตุ้นที่ค่อนข้างมากสำหรับใบหน้าของสิ่งมีชีวิต ในขณะที่บริเวณใบหน้ามีคุณสมบัติที่อ่อนต่อการป้องกันการปลอมแปลงใบหน้า
ลำดับที่ 4 – การเชื่อมต่อลักษณะเฉพาะ (Feature Fusion)
ทำการสร้างคุณลักษณะหลากมิติที่นำมาผสมกันหลังจากการรวมภายในระดับเดียวกันและระหว่างระดับที่ต่างกัน ซึ่งมีทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่ระดับต่ำและการเลือกปฏิบัติระดับสูง วิธีการนี้จะทำการแยกแยะความแตกต่างระหว่างขอบและรูปร่างของลักษณะใบหน้าระหว่างสิ่งมีชีวิตในมาตราส่วนต่าง ๆ กับใบหน้าที่ทำการปลอมแปลง พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตและรูปลักษณ์ที่ทำการปลอมแปลงขึ้นมา
ลำดับที่ 5 - การกำหนดผังการตัดสินใจ (Decision Mapping)
ทำการแยกแยะใบหน้าของสิ่งที่มีชีวิตจากใบหน้าที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมา โดยการเปรียบเทียบผังที่มีความสามารถในการเลือกกับช่วงค่าที่ถูกกำหนดมา หากผลลัพธ์สูงกว่าค่ามาตรฐาน จะถือว่าตัวอย่างเป็นใบหน้าของสิ่งที่มีชีวิต หากผลลัพธ์ต่ำกว่าค่ามาตรฐาน จะถือว่าเป็นใบหน้าที่มีการปลอมแปลงขึ้นมา ซึ่งจะส่งผลให้ระบบทำการปฏิเสธ
อัตราการยอมรับเท็จ (FAR) และอัตราการปฏิเสธเท็จ (FRR) ของระบบการจดจำใบหน้า
ระบบการจดจำใบหน้าใหม่ล่าสุดได้มีการปรับปรุงความเร็วในการจดจำที่เพิ่มขึ้น
- ความเร็วในการจดจำใบหน้าที่แท้จริงหลังจากการติดตั้งเฟิร์มแวร์: 0.3 วินาที
- ความเร็วในการทำงานของชุดของคำสั่งอัลกอริธึม: 0.15 วินาที (ความเร็วเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา)
การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
ZKTeco มีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่หลากหลายประเภทที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกตั้งแต่เครื่องการจดจำใบหน้า กล้องเครือข่าย ไปจนถึงเครื่องตรวจจับโลหะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้สามารถทำงานร่วมเข้ากับเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า ด้วยการเน้นทั้งทางด้านคุณภาพ เทคโนโลยี และความคุ้มค่า ZKTeco มีโซลูชันที่ดีที่สุดในหลากหลายมิติ
การใช้งานผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ ZKTeco
ผลิตภัณฑ์ระบบการตรวจสอบชีวมิติแบบไร้การสัมผัสของ ZKTeco เป็นทางเลือกที่ดีเพื่อให้คนไข้หรือคนทั่วไปหลีกเลี่ยงในการสัมผัสลูกบิดประตู และได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในสถานการณ์จริงหลายประเภท เช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา โรงงาน สถานที่ก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ไอที ระบบขนส่งสาธารณะ ธนาคาร องค์กรธุรกิจองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง องค์กรของรัฐ และอื่น ๆ
ผู้นำด้านระบบความปลอดภัยและโซลูชั่นการจัดการด้านเวลา
]]>กล้องติดไซเรนตํารวจ 3IN1 นั้นเป็นการป้องกันผู้บุกรุกที่มีประสิทธิภาพ จาก WATASHI !
เป็นการรวมกันของ
1. กล้องที่ดูภาพสีได้ตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกล้องคืน
2. กล้องที่มีการป้องกันการโจรกรรมแบบเข้มงวด
3. และกล้องที่มีระบบ AI
ผสาน 3 ฟังก์ชันให้อยู่ในกล้องเดียวกัน ด้วยนวัตกรรมเหล่านี้ทําให้ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งไปได้อย่างมากมาย กล้องติดไซเรนตํารวจยังช่วยในการระบุความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง รวมทั้ง แจ้งเตือนการบุกรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถปกป้องชีวิต และทรัพย์สิน ของคุณได้เป็นอย่างดี
พอกันทีกับปัญหาที่พบมากในกล้องระบบเก่า การแจ้งเตือนที่ผิดพลาด เช่น การแจ้งเตือนที่ผิดพลาดปอยครั้งเกิดจากสัตว์เลี้ยง แมลง ใบไม้ หรือสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใช่เป้าหมาย ปฏิกิริยาล่าช้า ที่ทําได้แค่เพียงดูวิดีโอย้อนหลังเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นๆ เกิดขึ้นไปแล้ว หลักฐานที่ตัดสินได้ยาก และขาดความน่าเชื่อถือทางหลักฐานเพราะภาพที่ไม่มีสีในยามค่ําคืน การติดตั้ง และการใช้งานที่ซับซ้อน เเถมต้องเสียเงินเพิ่มไปกับการติดตั้งที่ซับซ้อนเพื่อให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างครอบคลุม
การทํางานที่โดดเด่นของกล้องติดไซเรนตํารวจ
1. การแจ้งเตือนที่แม่นยำ
2. แจ้งเตือนทันท่วงที
3. ภาพสีตลอดเวลาแม้กลางคืน
การแจ้งเตือนที่แม่นยํา
กล้องติดไซเรนตํารวจ WSP093U มีฟังก์ชั่นการแจ้งเตือนที่แม่นยํา โดยสามารถตรวจจับบุคคล หรือยานพาหนะ ได้อย่างละเอียด ในขณะที่กรองสิ่งที่ไม่ใช่เป้าหมายออกไป เช่น สัตว์ ใบไม้ ไฟหน้ารถ ซึ่งทําให้มีอัตราการแจ้งเตือน ที่ไม่ถูกต้องต่ำกว่า 2% และด้วยระบบการทํางานอันทรงพลังของ AI ทําให้การทํางานรวดเร็วยิ่งขึ้น แม่นยํามากขึ้น และสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ไกลยิ่งกว่าเดิม
จุดเด่นการแจ้งเตือน
1. กําหนดขอบเขต พื้นที่ ที่ต้องการ ให้แจ้งเตือน คัดกรอง การตรวจจับ อย่างแม่นยำ
2. ตรวจจับได้แม้หมอกหนาหรือฝนตกหนัก